วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556


ดอกโป๊ยเซียน






ชื่อสามัญ                 Crow of Thorns
ชื่อวิทยาศาสตร์         Euphorbia millii.
วงศ์                        EUPHORBIACEAE

ลักษณะทั่วไป
โป๊ยเซียน์เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดย่อม ลำต้นมีความสูงประมาณ 3-5 ฟุต ลำต้นมีหนามปกคลุม หนามแหลม และแข็ง เปลือกลำต้นมีสีเทาหรือเขียวจัด เมื่อกรีดดูลำต้นจะมียางสีขาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกจากยอดและลำต้นจะทยอยกันออก ลักษณะใบมนรีค่อนค้างแคบเรียวแหลมขอบใบเรียบพื้นใบสีเขียวดอกออกตามปลายกิ่งออกดอกตามปลายกิ่งหรือส่วน
ยอดดอกมีขนาดเล็กมีสีแดง เหลือง ชมพู มีกลีบดอก 1 คู่ เป็นรูปไต มีขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร ลักษณะลำต้น ใบ และดอก จะแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
  โป๊ยเซียน ต้นไม้แห่งโชคลาภตามความเชื่อถือแต่โบราณ จัดเป็นไม้อวบน้ำอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae ซึ่งเป็นวงศ์ใหญ่มาก พบได้ทั่วไปในประเทศเขตร้อน พืชในวงศ์นี้มีมากกว่า 300 สกุล  โป๊ยเซียนจัดเป็นพืชที่อยู่ในสกุล Euphorbia ซึ่งพืชในสกุลนี้มีไม่ต่ำกว่า 2,500 ชนิด ได้แก่ คริสต์มาส สลัดได ส้มเช้า หญ้ายาง และ กระบองเพชรบางชนิด   โป๊ยเซียนหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ามงกุฎหนาม(Crown of Thorns) เนื่องจากลักษณะของลำตันที่มีหนามอยู่รอบเหมือนมงกุฎ นอกจากนี้ยังมีชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น กรุงเทพฯ เรียก ไม้รับแขก เชียงใหม่ เรียก ไม้ระวิงระไว, พระเจ้ารอบโลก หรือ ว่านเข็มพระอินทร์ แม่ฮ่องสอน เรียก ว่านมุงเมือง แต่คนไทยคุ้นเคยและรู้จักกันในชื่อ โป๊ยเซียน มาช้านาน คำว่า โป๊ยเซียน เป็นคำในภาษาจีน แปลว่า เทพยดาผู้วิเศษ 8 องค์ ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันว่าถ้าโป๊ยเซียนออกดอกครบ 8 ดอกในหนึ่งช่อจะนำความโชคดีให้แก่ผู้ปลูกเลี้ยง ด้วยเหตุนี้เองจึงมีผู้สันนิษฐานว่าชาวจีนน่าจะเป็นผู้นำโป๊ยเซียนเข้ามาปลูกเลี้ยงในประเทศไทยครั้งสมัยที่มีการติดต่อค้าขายกับคนไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งแต่เดิมนั้นดอกของโป๊ยเซียนจะมีขนาด 1-2 ซม. เท่านั้น แต่ในปัจจุบันคนไทยได้ผสมพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์โป๊ยเซียนจนมีขนาดดอกใหญ่กว่า 6 ซม. นอกจากนี้ดอกยังมีสีสันที่สวยงามจนอาจกล่าวได้ว่าโป๊ยเซียนไทยดีที่สุดในโลก
การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์โป๊ยเซียนทำได้หลายวิธี คือ  การปักชำกิ่ง  การตอนกิ่ง  การเสียบกิ่ง  การเพาะเมล็ด
การปักชำกิ่ง
เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ง่ายและประหยัดนอกจากนี้ยังขยายพันธุ์ได้คราวละมากๆต้นใหม่ที่ได้จะมีลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการแต่จะใช้เวลาในการงอกของรากนานและโอกาสที่ กิ่งชำจะเน่าก็มีมากดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปักชำจึงควรเป็นช่วงฤดูหนาวคือช่วงประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม
ขั้นตอนการปักชำกิ่งมีดังนี้
  1. เลือกต้นที่มีกิ่งแขนงไม่แก่หรืออ่อนเกินไปโดยสังเกตุที่สีของกิ่งต้องมีสีเข้มคล้ำแต่ก็ไม่ดำเพราะถ้ากิ่งแก่มากจะออกรากยากถ้ากิ่งอ่อนมากจะเน่าได้ง่าย
  2. งดใส่ปุ๋ยและงดการให้น้ำอย่างน้อย 5-7 วัน
  3. ใช้มีดที่คมและสะอาดตัดกิ่งที่เลือกไว้ยาวประมาณ4-5นิ้วถ้าเป็นกิ่งแขนงที่มีความยาว4-5นิ้วอยู่แล้วให้ตัดให้ชิดกับลำต้นจะช่วยให้กิ่งชำเน่ายากขึ้น
  4. เด็ดใบที่โคนกิ่งชำออกให้เหลือใบที่ยอดประมาณ 5-6 ใบ แล้วล้างยางที่บริเวณรอยตัดและรอยเด็ดใบด้วยน้ำสะอาด
  5. ใช้ปูนแดงหรือยาป้องกันเชื้อราทาตรงบริเวณรอยตัดของต้นแม่ เพื่อป้องกันเชื้อราเข้าแผล
  6. เมื่อเตรียมกิ่งชำเรียบร้อยแล้ว การปักชำสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การปักชำดินและการปักชำน้ำ
    • การปักชำดิน นำกิ่งชำที่เตรียมไว้จุ่มในน้ำยาเร่งราก เช่น เซราดิกซ เบอร์ 1, รู๊ธโกร ฮอร์โมน หรือ เอ็กซ์โซติก แล้วทิ้งไว้ 3-4 ชม. เพื่อให้แผลแห้ง
    • จากนั้นนำไปปักชำในวัสดุปักชำที่มีส่วนผสมของขี้เถ้าแกลบกับทรายหรือขุยมะพร้าวในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง ปักชำให้กิ่งชำลึกประมาณ 1-2 นิ้ว กดดินโดยรอบให้แน่น รดน้ำผสมยาป้องกันเชื้อราและวิตามิน B1ให้ชุ่ม หลังจากปักชำแล้วประมาณ 5-6 สัปดาห์ ก็จะงอกรากและแตกใบอ่อนเมื่อแข็งแรงดีแล้วจึงย้ายลงปลูกในกระถางใหม่
    • การปักชำน้ำ เก็บกิ่งชำไว้ในที่ๆ ไม่มีลมพัดผ่านหรือในภาชนะที่สะอาด ประมาณ 24-30 ชม. จากนั้นนำไปชำในขวดที่สะอาด (ส่วนมากนิยมใช้ขวดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เช่น ขวดลิโพ) โดยใส่น้ำให้ต่ำกว่าปากขวดแล้วหยดน้ำยาเร่งราก เอ็กซ์โซติก ลงไป 2-3 หยด แช่โคนกิ่งชำลงไปในน้ำประมาณ 1-2 เซนติเมตร จากนั้นนำไปตั้งไว้ในที่แสงรำไรประมาณ 2-3 สัปดาห์ รากก็จะเริ่มงอกออกมา เมื่อรากยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร จึงย้ายลงปลูกในกระถางต่อไป
การตอนกิ่ง
ใช้เมื่อต้นพันธุ์ดีมีความสูงเกินไปและทิ้งใบทำให้ดูเก้งก้างไม่สวยงามการตอนจะช่วยให้ได้ต้นใหม่ที่มีขนาดเตี้ยลงแต่มีความแข็งแรงและเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
สามารถตั้งทำดอกประกวดได้เร็ว ขั้นตอนการตอนกิ่งมีดังนี้
  1. เลือกต้นพันธุ์ดีที่จะทำการตอน ใช้มีดที่คมและสะอาดเฉือนลำต้นเข้าไปประมาณเกือบครึ่งลำต้น ใช้กระดาษชำระเช็ดยางออกให้หมด
  2. ใช้ไม้จิ้มฟันมาเสียบเข้าไปในแผลให้อ้าออก ทายาเร่งรากเข้าไปในแผลให้ทั่ว
  3. นำตุ้มขุยมะพร้าวที่รดด้วยยาป้องกันเชื้อราและวิตามินB1มาผ่ากลางแล้วหุ้มลำต้นตรงรอยผ่ามัดหัวท้ายตุ้มเข้ากับลำต้นให้แน่น จากนั้นหาไม้หลักมาปักผูกลำต้นไว้กันไม่ให้โยกคลอน
  4. รากของกิ่งตอนจะออกเต็มตุ้มขุยมะพร้าวภายใน30-60วันจากนั้นจึงตัดกิ่งตอนออกจากต้นเดิม ทารอยตัดด้วยปูนแดงหรือยาป้องกันเชื้อราทั้งส่วนที่เป็นต้นตอและกิ่งตอน
  5. เมื่อแผลที่กิ่งตอนแห้งดีแล้วจึงนำไปปลูกลงดินต่อไป
การเสียบกิ่ง
เป็นการนำกิ่งพันธุ์ที่ดีราคาแพงมาเสียบกับต้นตอที่ราคาถูกและแข็งแรงซึ่งพันธุ์ที่นิยมใช้เป็นต้นตอคือพันธุ์แดงอุดมวิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้ปลูกเลี้ยงโป๊ยเซียนนิยมกันมาก
ทั้งนี้เพราะต้นใหม่ที่ได้จะแข็งแรงและมีโอกาสรอดสูง อีกทั้งยังใช้เวลาสั้นกว่าการขยายพันธุ์แบบอื่น ขั้นตอนที่สำคัญมีดังนี้
  1. การเตรียมต้นตอ ต้นตอที่นิยมใช้เป็นโป๊ยเซียนพันธุ์แดงอุดม เนื่องจาก มีลำต้นแข็งแรง หาอาหารเก่ง ทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมได้ดี วิธีการเตรียมต้นตอมีดังนี้
    • ต้นตอที่ใช้ควรเป็นต้นตอที่มียอดพุ่งหรือที่ยอดมีใบใหม่แตกออกมา แสดงว่าต้นตอแข็งแรงและมีระบบรากเติบโตเต็มที่ และควรเลือกต้นตอที่มีขนาดเท่ากับหรือใหญ่กว่ากิ่งพันธุ์ที่จะนำมาเสียบ งดให้น้ำและงดให้ปุ๋ยต้นตอประมาณ 2-3 วัน หรือจนดินแห้ง
    • ใช้มีดที่คมและสะอาด ตัดยอดต้นตอให้สูงจากดิน 3-5 ซม. ซับยางที่ต้นตอออกด้วยกระดาษชำระหรือผ้าที่สะอาด จากนั้นใช้มีดผ่าต้นตอเป็น รูปปากฉลาม หรือ รูปตัว V ลึกประมาณ 1-2 ซม. ส่วนยอดของต้นตอที่ตัดออกสามารถนำไปปักชำเพื่อทำเป็นต้นตอได้ต่อไป
  2. การเตรียมกิ่งพันธุ์ กิ่งพันธุ์ที่จะนำมาเสียบกับต้นตอควรเป็นกิ่งพันธุ์ดีที่มีราคาแพง วิธีการเตรียมกิ่งพันธุ์มีดังนี้
    • กิ่งพันธุ์ต้องไม่แก่หรืออ่อนเกินไป งดให้น้ำและงดให้ปุ๋ยต้นตอประมาณ 3-5 วัน
    • ใช้มีดที่คมและสะอาด ตัดยอดกิ่งพันธุ์ยาว 3-5 ซม ซับยางออกด้วยกระดาษชำระหรือผ้าที่สะอาด ถ้ากิ่งพันธุ์มีใบมากให้ตัดใบออกบ้างเพื่อลดการคายน้ำ จากนั้นปาดโคนกิ่งเป็นรูปลิ่ม หรือ รูปตัว V ให้มีความยาวพอกับปากฉลามของต้นตอที่เตรียมไว้
  3. การเสียบกิ่ง เป็นขั้นตอนการนำกิ่งพันธุ์มาเสียบกับต้นตอที่เตรียมไว้ ขั้นตอนในการเสียบกิ่งมีดังนี้
    • ใช้เชือกฟางฉีกเป็นเส้นเล็กๆยาว 12-20 นิ้ว มัดต้นตอใต้รอยบากให้เชือกเงื่อนอยู่ตรงข้ามกับด้านที่มีหนามแหลมสองหนาม เพื่อใช้ในการรั้งเชือกที่โยงยึดกิ่งพันธุ์ดี
    • นำกิ่งพันธุ์ดีมาเสียบกับต้นตอ ถ้ากิ่งพันธุ์มีขนาดเล็กกว่าต้นตอ ควรเสียบชิดไปด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นนำปลายเชือกทั้งสองเส้นโยงขึ้นรั้งกับหนามหรือใบของกิ่งพันธุ์ดี แล้วโยงข้ามมารั้งกับหนามทั้งสองของต้นตอ ดึงเชือกทั้งสองให้กิ่งพันธุ์แนบสนิทกับต้นตอพร้อมทั้งไขว้เชือกทั้งสองกลับมาพันบริเวณรอยต่อระหว่างต้นตอกับกิ่งพันธุ์หลายๆ รอบ จากนั้นจึงมัดปลายเชือกทั้งสองเข้าด้วยกันจนแน่น
    • นำต้นที่ทำการเสียบกิ่งเรียบร้อยแล้วใส่ในถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่นวางไว้ในที่มีแดดรำไร ประมาณ 7 วันจึงนำออกจากถุงพลาสติก ควรทำในเวลากลางคืนเพื่อให้ต้นโป๊ยเซียนปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกได้
    • หลังจากนั้นควรรดน้ำให้เล็กน้อยโดยระวังอย่าให้น้ำถูกรอยแผล จนกว่ารอยแผลจะเชื่อมดีแล้วจึงให้น้ำได้ตามปกติ
การเพาะเมล็ด
ส่วนใหญ่จะทำการเพาะเมล็ดเมื่อมีการผสมพันธุ์โป๊ยเซียนจากเกษรตัวผู้และตัวเมียที่ต่างสายพันธุ์กัน จุดประสงค์เพื่อให้ได้โป๊ยเซียนพันธุ์ใหม่ที่เรียกกันว่า "ลูกไม้" ที่มีลักษณะของ ลำต้น ดอก หนาม ใบ และอื่นๆ ที่ดีกว่าเดิม  เมล็ดที่ได้จากการผสมพันธุ์มีวิธีการเพาะดังนี้
  1. เตรียมภาชนะที่ใช้ในการเพาะเมล็ดอาจใช้กระถางหรือกะบะพลาสติกก็ได้แต่ควรเป็นภาชนะที่ระบายน้ำได้ดีไม่มีน้ำขัง นำวัสดุเพาะที่มีส่วนผสมระหว่างขุยมะพร้าวกับทรายในอัตราส่วนเท่าๆ กัน เทลงในภาชนะแล้วเกลี่ยให้เรียบพร้อมกับกดให้แน่นพอประมาณ
  2. นำเมล็ดที่ได้จากการผสมพันธุ์โดยใช้เมล็ดแก่สังเกตุจากเมล็ดที่เป็นสีน้ำตาลมาวางไว้บนวัสดุเพาะแล้วกลบด้วยวัสดุเพาะหนาประมาณ1ซม. รดด้วยน้ำที่ผสมยาป้องกันเชื้อรา
  3. นำภาชนะเพาะไปตั้งบริเวณที่มีแสงรำไรอากาศถ่ายเทได้สะดวก  รดน้ำวันละครั้งแต่อย่าให้แฉะ ประมาณ 1-2 สัปดาห์จะมีต้นกล้างอกเจริญเติบโตขึ้นมา เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตจนมีใบประมาณ 5-7 ใบ จึงทำการย้ายลงปลูกในกระถางใหม่ต่อไป
การผสมพันธุ์
การผสมพันธุ์เป็นการขยายพันธุ์อีกวิธีหนึ่งที่ผู้ผสมมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดโป๊ยเซียนพันธุ์ใหม่ๆที่ดีขึ้น โป๊ยเซียนต้นใหม่ที่ได้จากการผสมพันธุ์ จะมีลักษณะแตกต่างไปจากต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ซึ่งอาจจะดีกว่าหรือด้อยกว่าก็ได้ในปัจจุบันผู้ปลูกเลี้ยงโป๊ยเซียนได้ผสมพันธุ์โป๊ยเซียนขึ้นมาใหม่มากมายได้มีการจดทะเบียนตั้งชื่อแตกต่างกัน ชื่อแต่ละชื่อจะมีลักษณะไปในทางที่เป็นศิริมงคลแทบทั้งสิ้น พันธุ์ใดที่มีลักษณะดี ดอกใหญ่ สีสวยแปลกตา ดอกบานทน
ก็จะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ปลูกเลี้ยง วิธีการผสมพันธุ์โป๊ยเชียนมีขั้นตอนดังนี้
  • เลือกต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีลำต้นอวบใหญ่แข็งแรงใบใหญ่หนาสีเขียวสใสหนามใหญ่ดอกใหญ่สีสวยจำนวนดอกมากกว่า8ดอก ต้นแม่พันธุ์ควรเป็นต้นที่ติดเมล็ดง่าย และต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่ควรมาจากสายพันธุ์เดียวกันเพราะจะทำให้ต้นลูกที่ได้มีลักษณะด้อยไปกว่าเดิม การเลือกพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ลักษณะดีและสายพันธุ์ถูกต้องจะทำให้ลูกไม้ที่ได้จากการผสมมีโอกาสเป็นโป๊ยเซียนพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะดีกว่าเดิม
  • การผสมพันธุ์โป๊ยเซียนสามารถทำได้ทุกฤดูแต่ฤดูที่เหมาะสมควรเป็นฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์  ซึ่งเป็นช่วงที่โป๊ยเซียนมีความอุดมสมบูรณ์ ออกดอกมาก เมล็ดที่ได้มีขนาดใหญ่เมื่อนำไปเพาะจะได้ลูกไม้ที่แข็งแรงสมบูรณ์
  • สังเกตุความพร้อมของเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียดอกโป๊ยเซียนเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน เกสรตัวเมียอยู่ตรงกลางดอกและบานก่อนเกสรตัวผู้ประมาณ2-3วัน   การสังเกตุเกสรตัวเมียว่าพร้อมที่จะผสมพันธุ์หรือไม่ให้สังเกตุที่เกสรตัวเมียจะมีน้ำเหนียวเยิ้มออกมา หลังจากเกสรตัวเมียบาน2-3วัน จะมีก้านชูเกสรตัวผู้ขึ้มาบริเวณกลางดอกประมาณ 5-7 อัน   ละอองเกสรตัวผู้ที่พร้อมจะผสมพันธุ์จะมีลักษณะเป็นขุยๆ สีเหลือง
  • การถ่ายละอองเกสรควรทำในช่วงเช้า 7.00-9.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ดอกโป๊ยเซียนสดชื่นและมีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์ การถ่ายละอองเกสรทำได้โดยใช้ภู่กันขนาดเล็กแตะยอดเกสรตัวผู้ของต้นพ่อพันธุ์แล้วนำไปแตะกับเกสรตัวเมียที่พร้อมผสมพันธุ์ของต้นแม่พันธุ์ การผสมควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง จากนั้นคลุมด้วยถุงพลาสติกเจาะรูระบายอากาศเพื่อป้องกันแมลงมาผสมซ้ำ บันทึกชื่อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ วันและเวลาที่ผสมผูกติดกับถุงพลาสติก
  • หลังจากผสมเกสรเสร็จแล้วประมาณ7วัน กลีบดอกจะเริ่มเหี่ยว เมล็ดจะเริ่มขยายตัวเป็นพูจำนวน 3 พู ชูสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นเมล็ดจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลคล้ายเมล็ดพริกไทย
  • การเก็บเมล็ดควรเก็บเมล็ดที่แก่เต็มที่ มีลักษณะแห้ง สีน้ำตาลคล้ำ การเก็บควรเก็บในช่วงเช้าเพราะช่วงบ่ายเปลือกที่หุ้มเมล็ดจะแห้งและอาจดีดเมล็ดให้กระเด็นออกมาได้ การใช้ถุงพลาสติกใบเล็กๆ คลุมที่ดอกที่ผสมติดจะช่วยให้เมล็ดแก่ที่ถูกดีดออกมาตกอยู่ภายในถุงไม่หายไปไหน นำเมล็ดโป๊ยเซียนที่ได้ไปทำการเพาะเมล็ดต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น